Pages

Subscribe:

Knowledge is Power

สะสมความรู้ได้ทุกวัน
Powered by Blogger.

Blog Archive

Monday, December 26, 2011

การเกิดสิว และการรักษารอยแผลจากสิว

สิวเกิดจากการอุดตันของต่อมไขมันหากไม่ได้รับการรักษาที่ถูกต้องจะเกิดการอักเสบจากเชื้อแบคทีเรียที่อาศัยอยู่บริเวณต่อมไขมัน เกิดการอักเสบนูนแดง
สิวจะอักเสบรุนแรงกลายเป็นสิวหัวช้างหากภูมิต้านทานของร่างกายลดต่ำลงเช่น มีประจำเดือน อดนอน ความเครียดจะกระตุ้นต่อมไขมันให้สร้างไขมันเพิ่มขึ้น
การป้องกันสิวที่ดีจึงควรปรับสมดุลร่างกายด้วยการกินอาหารถูกหลัก ออกกำลังกาย ดื่มน้ำสะอาด 6-8 แก้ว/วัน หลีกเลี่ยงการสูบบุหรี่ และสารเสพติด
วงจรชีวิตของสิวจะเริ่มต้นจากการเป็นสิวอุดตัน (สิวหัวขาว) ต่อมาจะกลายเป็นสิวหัวดำ เมื่อมีการอักเสบจะกลายเป็นสิวอักเสบ ถ้าไม่ทำอะไรจะหายเองได้
โดยทั่วไปถ้าไม่ทำการรักษาสิว ร่างกายจะมีกลไกในการรักษาสิวด้วยตัวเองอยู่แล้ว ซึ่งการอักเสบจะดีขึ้นได้ภายในเวลา 7-14 วัน
ถ้าสิวมีการอักเสบนานเกินกว่า 14 วัน เวลาหายจะไม่เป็นผิวปกติ แต่จะมีรอยแดงหรือรอยดำจากสิวได้ ยิ่งการอักเสบนาน รอยดำและรอยแดงก็จะอยู่นานขึ้น
รอยดำสิวเกิดจากการอักเสบของสิวที่เป็นนานเกิน 1 สัปดาห์ ถ้าทิ้งไว้ไม่ทำอะไรหายได้เองใน 3-6 เดือน
ส่วนรอยแดงสิวเกิดจากการอักเสบของสิวเกิน 2 สัปดาห์ แผลจะอยู่ในชั้นลึกกว่า ดังนั้นกว่าจะหายจึงใช้เวลานาน 6-9 เดือน
การบีบเค้นหรือเจาะสิว จะยิ่งทำให้การอักเสบเป็นอยู่นานขึ้น แทนที่สิวจะหายได้เองในเวลา 7-14 วัน สิวจะอักเสบเป็นเวลานานส่งผลให้เกิดแผลเป็นตามมา
ถ้าสิวอักเสบ > 14 วัน จะหายเป็นรอยแดงที่ใช้เวลานาน 3-6 เดือนกว่าจะหาย แต่ถ้าอักเสบนาน > 1 เดือน มีโอกาสสูงที่จะเกิดแผลเป็นซึ่งไม่หายเอง
หัวใจของการรักษาสิวคือ ทำให้การอักเสบเกิดน้อยที่สุด เพื่อป้องกันการเกิดแผลเป็นสิว ควรหลีกเลี่ยงการบีบเค้นเจาะ ที่จะทำให้สิวอักเสบเพิ่มขึ้น


สิวอุดตัน การรักษาที่ดีที่สุดคือการละลายสิวอุดตัน และทำให้หัวสิวออกจากรูขุมขนโดยไม่มีการอักเสบเกิดขึ้น การทายาที่มีฤทธิ์เป็นกรดจะช่วยได้ดี
การรักษาสิวอุดตันทำได้โดยใช้ยาทากรดวิตะมินเอ กรดผลไม้ การทำ treatment ทุกชนิดที่ช่วยผลัดเซลล์ผิว การใช้สบู่ล้างหน้าที่เป็นกรดอ่อน ๆ
หลักการรักษาสิวอักเสบคือลดการอักเสบให้เร็วที่สุด เพื่อลดการเกิดแผลเป็น ถ้าเป็นน้อยใช้ยาปฏิชีวนะทา เป็นมากใช้ยากิน อักเสบรุนแรงอาจต้องฉีดยา
การฉีดสิวที่ทำกันโดยทั่วไป คือการฉีดยาสเตียรอยด์เข้าไปในสิวเพื่อลดการอักเสบ แต่ถ้าฉีดไม่ดีอาจทำให้ผิวหนังบริเวณที่ถูกฉีดยาบุ๋มลงไปได้

การรักษารอยดำที่เกิดจากสิว อาจใช้ยาทากรดวิตะมินเอ กรดผลไม้ หรือยาทาที่ลดการสร้างเม็ดสี เช่น arbutin, kojic, licorice
การรักษารอยแดงใช้ยาทามักไม่ค่อยได้ผล การใช้เลเซอร์ลบรอยแดงช่วยทำให้หายเร็วขึ้น แต่ต้องรักษาหลายครั้งทุกเดือน อย่างน้อย 2-3 ครั้ง
การรักษาแผลหลุมสิว ไม่มียาทา การทำ treatment อื่น ๆ ช่วยได้เลย นอกจากการกรอผิวด้วยเลเซอร์ คลื่นความถี่วิทยุ จี้กรด หรือ subcision
ไม่ควรเริ่มรักษารอยดำ รอยแดง หรือแผลเป็นหลุมสิว ถ้ายังมีสิวอักเสบขึ้นใหม่อยู่ เพราะการรักษาแผลเป็นแทบทุกวิธีกระตุ้นให้เกิดสิวใหม่ได้
การทำ treatment ด้วยกรดผลไม้ จะช่วยรักษาสิวอุดตัน และลดรอยดำสิวได้ แต่อาจทำให้ระคายเคืองผิวหน้าและเกิดสิวอักเสบได้เช่นกัน จึงควรปรึกษาแพทย์
ไม่มีหลักฐานทางการวิจัยว่าการทำไอออนโต หรือโฟโนโฟรีซิส ทำให้สิวหรือรอยแดง รอยดำ หรือแผลเป็นหลุมสิวดีขึ้น


การรักษาหลุมสิวเดิมใช้การจี้กรด เลเซอร์กรอผิวแบบตื้นหรือแบบลึก การทําsubcision วิธีการพวกนี้ยังมีข้อจํากัดในเรื่องประสิทธิภาพและผลข้างเคียง
การรักษาหลุมสิวที่จะมาแรงในปีนี้คือการใช้เข็มขนาดเล็กจิ้มลงบริเวณหลุมสิวพร้อมกับปล่อยคลื่นถี่วิทยุลงไปในผิวหนังชั้นลึกเพื่อกระตุ้นcollagen
การปล่อยคลื่นความถี่วิทยุผ่านเข็มเพื่อรักษาหลุมสิวจะเห็นผลดีขึ้น60-70%หลังรักษาเดือนละครั้ง 2-3ครั้ง คนส่วนใหญ่เริ่มเห็นผลหลังรักษาครั้งแรก
ถึงแม้ประสิทธิภาพในการรักษาหลุมสิวของการปล่อยคลื่นความถี่วิทยุผ่านเข็มจะใกล้เคียงกับเลเซอร์กรอผิว แต่พบผลข้างเคียงรอยดําหลังการรักษาน้อยกว่า
ข้อเสียของการรักษาหลุมสิวด้วยการปล่อยคลื่นความถี่วิทยุผ่านเข็มคือ เจ็บ มีแผลจุดเลือดออกหลังรักษา มีแผลอยู่นาน 7วัน เช่นเดียวกับเลเซอร์กรอผิว


1 comments:

locossemina said...

I constantly like to read a top quality content having accurate info pertaining to the subject and the exact same thing I found in this article. Nice job.เป็นสิว ที่คาง

Post a Comment