Pages

Subscribe:

Knowledge is Power

สะสมความรู้ได้ทุกวัน
Powered by Blogger.

Blog Archive

Friday, December 23, 2011

วิธีการร้อยไหมในการรักษาหน้าหย่อนคล้อย ได้ผลจริงหรือ?

@DrWoraphong: วิธีการร้อยไหมที่กำลังฮิตในการรักษาหน้าหย่อนคล้อยไม่น่าจะได้ผลเพราะไหมเป็นร้อยเส้นถูกสอดเข้าไปในหน้าแต่ละซีกโดยไม่มีจุดยึดข้างบน ...
ลองคิดดูเวลาเราตากผ้ายังต้องที่ตัวหนีบกันผ้าตกตามแรงโน้มถ่วง การร้อยไหมที่แก้มโดยไม่มีการยึดด้านบน วักพักผิวก็ตกตามแรงโน้มถ่วงอีก ...
แก้มแต่ละข้างที่ถูกร้อยไหมเป็นร้อยเส้นจะเกิดการบวมในระยะแรกทำให้เรารู้สึกส่าผิวส่วนนั้นตึงขึ้น เมื่ออาการบวมหายผิวคงหย่อนตามแรงโน้มถ่วงอีก
แต่มีไหมชื่อ Silhouette ที่น่าจะได้ผลเพราะมีการผ่าตัดเป็นรูเล็กๆเพื่อยึดไหมด้านบนกับหนังหุ้มกระโหลกวิธีนี้น่าจะได้ผล แต่ฟังดูจะน่ากลัวหน่อย
วิธีการยึดไหมเพียง 3 เส้นชื่อSilhouette ที่น่าจะได้ผลในการดึงหน้าให้ตึง ไม่เหมือนกับการร้อยไหมแบบเด็กๆที่ฮิตในไทยตอนนี้ http://www.youtube.com/watch?v=whzS_B7aTq0

@DrRungsima: เทคโนโลยีการร้อยไหม เกิดขึ้นจากการที่คนอยากยกกระชับหน้าโดยไม่อยากผ่าตัด ซึ่งยุ่งยาก ต้องพักฟื้นนาน จึงมีแพทย์ชาวฝรั่งเศสเอาไหมมาดึงผิวขึ้น
การร้อยไหมจึงเหมาะสำหรับการดึงหน้าเฉพาะส่วนเช่น หางคิ้วหรือร่องแก้ม ไหมชนิดแรกที่นำมาใช้ชื่อว่า Aptos มีลักษณะคล้ายฟันปลาซึ่งเอาไว้เกี่ยวผิว
เคยมีคนพยายามเอาทองคำมาใช้เป็นไหมยกกระชับหน้า เพราะทองเป็นสิ่งแปลกปลอม พอใส่เข้าไปในร่างกาย ร่างกายจะสร้างคอลลาเจนขึ้นในบริเวณนั้น
ข้อเสียของการร้อยไหมทองคือ ผู้ที่แพ้โลหะอาจเกิดการแพ้รุนแรง ทองจะไม่ย่อยสลายและถือเป็นโลหะหนัก ในปัจจุบันไม่มีการศึกษาถึงผลกระทบระยะยาว
ผู้ที่ใช้ไหมทองร้อยบนใบหน้า ห้ามทำการรักษาหรือ treatment ใดๆ ที่ใช้ความร้อนบนใบหน้าเด็ดขาด เพราะทองจะนำความร้อนได้ทำให้ผิวหนังโดยรอบไหม้ได้
การร้อยไหมละลาย จะใช้ไหมที่สลายไปเองในเวลา 6 เดือน ไหมชนิดนี้ไม่สามารถยกกระชับหรือดึงผิวได้ แต่จะไปกระตุ้นให้เกิดการสร้างคอลลาเจนใต้ผิวหนัง
การร้อยไหมละลายมีข้อดีที่เห็นผลทันที แต่มีข้อเสียคือถ้าร่างกายแพ้ไหมที่ร้อยเข้าไป แต่ไหมใช้เวลา 6 เดือนกว่าจะละลาย ร่างกายจะพยายามกำจัดไหม
ถ้าคนไข้แพ้ไหมละลาย จะมีอาการตุ่มแดง ตุ่มหนองตามบริเวณที่ร้อยไหมเข้าไป ซึ่งจะรักษาได้ยาก อีกทั้งการจิ้มไหมเป็นจำนวนมากจะเสี่ยงต่อการติดเชื้อ
การร้อยไหมบริเวณปลายจมูก ไม่ควรทำเป็นอย่างยิ่ง เนื่องจากบริเวณนี้มีเลือดไปเลี้ยงน้อย เกิดการอักเสบติดเชื้อได้ง่าย เกิดแผลเป็น จมูกผิดรูปได้
คอลลาเจนที่ถูกกระตุ้นโดยไหมละลาย อาจเป็นคอลลาเจนชนิดเดียวกับที่พบในแผลเป็น ไม่ใช่คอลลาเจนตามธรรมชาติที่อยู่ที่ผิวหนังปกติ
ที่สำคัญคือ ยังไม่มีการศึกษาถึงผลระยะยาวของการใช้ไหมละลายบนใบหน้าเกี่ยวกับคอลลาเจนที่ถูกกระตุ้นให้สร้างขึ้นว่าจะส่งผลให้เกิดการหดรั้งหรือไม่

เพิ่มเติม 03/19/2012

 @DrRungsima: ในงานประชุมนี้หมอได้มาเจออาจารย์ของหมอซึ่งเป็นหมอผิวหนังที่ดังมากในอเมริกา ก็เลยถามเค้าว่าเคยใช้ไหมละลายในการยกกระชับหน้าคนไข้บ้างมั๊ย ???
เพราะตอนนี้ที่เมืองไทยการใช้ไหมละลายยกกระชับหน้าเป็นที่นิยมมาก และมีต้นแบบมาจากเกาหลี อาจารย์ของหมอซึ่งเป็นหมอชื่อดังในอเมริกาตอบว่า
ถึงแม้ว่าไหมละลายผ่านการรับรองให้ใช้เป็นไหมเย็บเส้นเลือดหัวใจ หรือเย็บแผลผ่าตัดก็ตาม แต่ไม่เคยผ่านการรับรองให้ใช้สำหรับการยกกระชับหน้า
อีกทั้งการใช้ไหมละลายเย็บแผลปกติ คอลลาเจนที่เกิดขึ้นรอบ ๆ ไหมละลาย เป็นคอลลาเจนชนิดเดียวกับที่พบในแผลเป็น ไม่ใช่คอลลาเจนปกติของร่างกาย
ดังนั้นการใช้ไหมละลายเส้นสั้น ๆ ร้อยสานกันบนใบหน้า จะกระตุ้นให้เกิดการสร้างเนื้อเยื่อหรือคอลลาเจนแบบแผลเป็นขึ้นใต้ผิว ไม่ใช่คอลลาเจนปกติ
ยังไม่มีการศึกษาผลของการสร้างคอลลาเจนหรือเนื้อเยื่อแผลเป็นจากการใช้ไหมละลายในการยกกระชับหน้าในระยะยาว ฉะนั้นจึงไม่แนะนำให้ทำ
FDA ของอเมริกาเข้มงวดมาก ผลิตภัณฑ์อะไรที่ไม่ผ่านการรับรองจาก FDA ให้คิดไว้เสมอว่าหลักฐานยังไม่เพียงพอทั้งในแง่ประสิทธิภาพและผลข้างเคียง
ในทางเดียวกันผลิตภัณฑ์อะไรที่ไม่ผ่านการรับรองจาก อย. ของเมืองไทย ก็ยังไม่ควรนำมาใช้เพราะแสดงว่าหลักฐานด้านประสิทธิภาพและผลข้างเคียงยังไม่พอ
ผลิตภัณฑ์บางอย่าง ได้รับการรับรองสำหรับการรักษาอย่างหนึ่ง ไม่ได้หมายความว่าจะเอามาใช้ทำอะไรก็ได้ ผู้ขายจึงมักใช้ทางนี้ในการเลี่ยงกฏหมาย
ยกตัวอย่าง เช่น กลูต้าไธโอน แบบฉีด ได้รับการรับรองให้ใช้ในการรักษาคนไข้โรคตับ หรือคนไข้มะเร็ง แต่ไม่ได้รับการรับรองให้ฉีดเพื่อให้ผิวขาว
ดังนั้นถ้านำกลูต้าไธโอนมาฉีดเพื่อทำให้ผิวขาว จึงมีความผิด ถึงให้แพทย์ฉีด แพทย์คนที่ฉีดก็มีความผิด
ไหมละลายได้รับการรับรองเพื่อการเย็บแผล แต่ไม่ได้รับการรับรองให้นำมาใช้ยกกระชับหน้า ถึงแม้จะขายได้ แต่ไม่ได้หมายความว่าจะนำมาใช้ทำอะไรก็ได้



0 comments:

Post a Comment